22 มี.ค. 2557

ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว.........ด้วยโฟนิกส์


ภาษาอังกฤษ เป็น ภาษาสากลที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเกือบทั่วโลก ในยุคปัจจุบันมีข้อมูล ข่าวสาร และความรู้ต่าง ๆ เกิดขึ้นจำนวนมากมายมหาศาล ในการเข้าถึงแหล่งความรู้ของโลกได้นั้นจำเป็นต้องรู้ภาษาอังกฤษ ผู้ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี มักเป็นผู้ที่มีโอกาสที่จะได้เปรียบผู้อื่น ทั้งด้านการศึกษา ตำแหน่งการงาน และรายได้ที่สูงกว่า
 
คุณพ่อคุณแม่อาจเคยเห็นคำว่า Phonics ตามโรงเรียนและสถาบันสอนภาษาบ่อยครั้ง ทราบหรือไม่ว่า Phonics นั้นไม่ใช่การสอนออกเสียงภาษาอังกฤษให้เหมือนเจ้าของภาษาอย่างที่คุณพ่อคุณ แม่บางท่านเข้าใจนะคะ แต่เป็นระบบการสอนอ่าน-เขียนให้เด็กวัยเริ่มเข้าโรงเรียน ระบบ Phonics ใช้หลักการผสมเสียง (Blending) ของตัวอักษรแต่ละตัวเพื่ออ่านเป็น พยางค์ คำ และประโยคตามลำดับ การสอนระบบ Phonics นี้เน้นการสอนให้เด็กเรียนตัว อักษร (รูปอักษร "s") ควบคู่ไปกับเสียง [s] มากกว่าการสอนชื่อตัวอักษร ("ตัวเอส") เมื่อเด็กรู้ว่า ตัวอักษรไหนมีเสียงอะไร เมื่อเห็นตัวอักษรนั้น แม้ในคำที่ไม่รู้จัก ก็จะสามารถ "ถอดรหัสเสียง" และผสมเสียงอ่านเป็นคำได้
"เรียนภาษาอังกฤษแนวใหม่ หมดยุคท่องจำแข่งนำเข้าเทคนิคใหม่สอนเด็กเล็ก"


การ สอนการออกเสียง (โฟนิคส์) ที่เน้นความสนุกสนาน ใช้ประสาทสัมผัสหลายด้าน และให้เด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ โดยสอนการออกเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษกว่า 40 ตัวอักษรแก่เด็กอย่างรวดเร็ว และส่งเสริมให้เด็กๆ นำความรู้เรื่องการออกเสียงมาใช้ในการอ่านและเขียนคำต่างๆ ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ปัจจุบัน พ่อแม่ผู้ปกครองนิยมให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ยังเล็ก เนื่องจากต้องการให้ลูกได้ซึมซับสำเนียงที่เป็นต้นฉบับเจ้าของภาษาจริงๆ การจะเลือกสถานที่เรียนจึงเป็นเรื่องสำคัญ  เรียนภาษาอังกฤษแนวใหม่ หมดยุคท่องจำ แข่งนำเข้าเทคนิคใหม่สอนเด็กเล็ก  ดังนั้น การสอนการออกเสียง (โฟนิคส์) ที่เน้นความสนุกสนาน ใช้ประสาทสัมผัสหลายด้าน และให้เด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ โดยสอนการออกเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษกว่า 40 ตัวอักษรแก่เด็กอย่างรวดเร็ว และส่งเสริมให้เด็กๆ นำความรู้เรื่องการออกเสียงมาใช้ในการอ่านและเขียนคำต่างๆได้ตั้งแต่อายุยัง น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซู ลอยด์ และ ซารา เวิร์นแฮม ครูชาวอังกฤษ อธิบายว่า การเรียนการสอนจะไม่เน้นท่องจำตัวอักษร ABC แต่จะเป็นการเรียนรู้การออกเสียงผ่านเรื่องราว เน้นเรื่องการผสมคำเพื่อให้เด็กรู้สึกเป็นเจ้าของคำศัพท์นั้นๆ ซึ่งจะทำให้เด็กรู้จักตัวอักษรและคำศัพย์โดยไม่ต้องท่องจำ แม้แต่เด็กที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาก่อนก็สามารถเรียนได้ นอกจากนี้ยังช่วยในการเปล่งเสียง ซึ่งจะตัดปัญหาสำเนียงที่ไม่ถูกต้อง ขณะที่เด็กที่ผ่านการเรียนแบบท่องจำมาตลอด จะรู้จักเฉพาะคำศัพย์ที่ท่องมาเท่านั้น
ทั้ง นี้ การเรียนการสอนเสียงต่างๆ จะเรียงตามลำดับที่กำหนดไว้เป็นพิเศษ ไม่ใช่ตามลำดับตัวอักษร ซึ่งจะช่วยให้เด็กสามารถเริ่มสร้างคำได้ตั้งแต่อายุยังน้อยที่สุดเท่าที่จะ เป็นไปได้ โดยแต่ละเสียงมีการใช้ท่าทาง เรื่องราว และรูปภาพประกอบ ซึ่งจะดึงดูดความสนใจของเด็กและให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน ซู ลอยด์ และ ซารา เวิร์นแฮม บอกอีกว่า โปรแกรมจอลลี โฟนิคส์ช่วยสร้างเสริมทักษะและกลวิธีในการเรียนรู้คำใหม่ๆ โดยจะส่งเสริมให้เด็กๆเป็นนักอ่านและนักเขียนด้วยตัวเองตั้งแต่เริ่มแรก และเลี่ยงวิธีการเรียนรู้แบบท่องจำ นอกจากการเพิ่มช่วงอายุการอ่านและการออกเสียงแล้วระบบ จอลลี โฟนิคส์ ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่เด็ก ซึ่งในเวลาอันสั้น เด็กจะสามารถอ่านและเขียนหนังสือได้หลากหลายประเภท และเนื่องจากการสอนทักษะการออกเสียงขั้นพื้นฐานที่จำเป็นเหล่านี้กระทำอย่าง รวดเร็ว ทำให้เด็กๆ สามารถพัฒนาไปสู่ขั้นตอนการเขียนเชิงสร้างสรรค์ได้เร็วขึ้น และทำให้สอนกลวิธีการอ่านเอาเรื่องในขั้นสูงได้เร็วขึ้นด้วย
 
ขอบคุณข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น